ถ้าคุณเป็นคนที่ยังมีหนี้ บทความนี้สำคัญกับคุณมากๆ
มีหนี้ยังไงให้ เฮง รวยและปัง
คิดจะพัก… คิดถึงภาระ ฟังแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างครับ
คำว่าหนี้ไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป มันทำให้คุณขยันขึ้นทำให้คุณได้สิ่งที่คุณต้องการ
แต่ถ้าวันนี้เรามีหนี้มากเกินไปมันก็ไม่ดี
ข้อแตกต่างระหว่าคนจน กับคนรวย เมื่อมีหนี้
– คนรวยมีหนี้เพื่อทำให้ตัวเอง รวยขึ้น
– คนจน มีหนี้เพื่อทำให้ตัวเอง จนลง หรือแย่ลง
หนี้นั้นสามารถแบ่งได้คร่าวๆ 2แบบ คือหนี้ดี และหนี้เสียนะครับ
หนี้ดีคือหนี้ที่สามารถก่อให้เกิดรายได้ : หนี้ที่กู้มาเพื่อลงทุน ประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ
เพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้
ส่วนหนี้เสียคือหนี้ที่ไม่สามารถก่อให้เกิดรายได้ : เช่น รถ บ้าน เครื่องประดับ ไปเที่ยว
แต่ถ้าคุณซื้อรถมาแล้วคุณนำรถคันนั้นไปประกอบอาชีพ ไปทำให้เกิดรายได้ เช่น ขับแท๊กซี่ เอารถไปขนของค้าขาย หรือคุณซื้อบ้านแล้วบ้านหลังนั้นคุณสามารถปล่อยเช่าได้ เพียงพอที่จะส่งผ่อนได้ และมีกำไร หนี้ก้อนนั้นก็จะกลายเป็นหนี้ดี
– ทำไมคนถึงนิยมเป็นหนี้ หรือมีหนี้
1. มีเงินต้น เพื่อนำไปลงทุน ให้ธุรกิจงอกเงยได้
2. การกู้นั้นไม่เสียภาษี : สามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ แต่ถ้าคุณมีกำไรก็ต้องเริ่มที่จะเสียภาษี
3. ยิ่งกู้ ยิ่งมีเครดิต : แต่คุณจะต้องหัดกู้และผ่อนชำระให้ตรงตามสัญญา เพื่อสร้างเครดิตให้สามารถกู้ได้ในวงเงินที่สูงขึ้น
– แล้วเมื่อมีหนี้เราควรจัดการหนี้อย่างไร
1. มีสติ : สติมาปัญญาเกิด การเป็นหนี้คือการมีปัญหาอย่างหนึ่ง การที่เราจะแก้ปัญหาได้ เราก็ต้องมีสติ ( เพิ่มรายได้ / ควบคุมรายจ่าย) ที่สำคัญมากๆคือต้องไม่ก่อหนี้เพิ่ม หากเรายังจัดการกับหนี้เก่ายังไม่ได้
ปัญหาคลาสสิคของคนไทยคือ มีหนี้อยู่แล้วเลยไปขอกู้ที่ใหม่เพื่อไปปิดที่เก่า หรือใช้ของเกินตัว หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต จนถึงจุดที่เกินตัวไม่สามารถผ่อนไหวคือ มีหนี้เกิน 40% ของรายได้ หลักๆที่คุณจะต้องทำคือ ควบคุม life style inflation (การใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ) กินหรูอยู่แพง เมื่อมีรายได้น้อยก็อยากใช้ชีวิตที่ดีขึ้น รายได้เยอะขึ้นก็ใช้รถหรูขึ้น บ้านหลังไหญ่ขึ้น ไม่เคยพอ รายได้เพิ่มขึ้นจริง แต่เงินเก็บไม่เพิ่มขึ้นตาม และถ้าหากไม่สามารถหาเงินเพิ่มขึ้นได้คุณก็จะมีปัญหาแบบนี้ไปตลอดชีวิต
2. วางแผนการเงิน : เขียนออกมาเลยว่ารายรับ/จ่ายของคุณในแต่ละเดือนมีอะไรบ้าง และเท่าไหร่ ถ้าเป็นเงินที่กู้มาก็คำนวนเลยว่า ดอกเบี้ยเท่าไหร่ การเห็นตัวเลขในการวางแผนการเงินจะทำให้คุณ มีสติ มากขึ้นครับเพราะถ้าหากเริ่มเขียนคุณจะเห็นว่าบางเรื่อก็ไม่จำเป็น ก็จะได้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นลง
คนที่วางแผนทางการเงินจะมีสูตรสำเร็จคือเมื่อมีรายได้ จะหักออมก่อนเลยขึ้นต่ำ 10%
หลังจากนั้นถึงจะเอาไปจ่ายให้กับค่าใช้จ่ายต่างๆประจำเดือน เหลือเท่าไหร่นั่นคือเงินที่เราสามารถใช้ได้ (ถ้าคุณวางแผนชัดเจนคุณก็จะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น) เหมือนชีวิตมีพิมพ์เขียว
3. ชำระหนี้ที่ดอกเบี้ยมากที่สุดก่อน : ส่วนใหญ่ คนมักจะสับสนว่า จะจ่ายหนี้ก่อนที่ใหญ่ที่สุดก่อนหรือจะจ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยเยอะที่สุดก่อน
ถ้าต้องเลือกที่จะจ่าย หรือโปะหนี้ ควรจ่ายหรือโปะหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน เพราะมันคือดอกเบี้ยที่อาจกกลายเป็นเงินมหาศาลหากไม่จัดการให้ดี หนี้ประเภทนี้ต้องระวังที่สุดคือ ประเภทสินเชื่อบุคคล และ บัตรเครดิด เพราะเป็นดอกเบี้ยแบบทบต้น
4. รู้จักการ รีไฟแนนซ์ : การที่ไม่รีไฟแนนซ์มันคือความเสียหายทางโอกาสนะครับ
ยกตัวอย่างเช่น หนี้บ้าน ทุกๆ3 ปีคุณสามารถเปลี่ยนเจ้าหนี้ได้ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เช่นเราเป็นลูกหนี้แบงค์ A มาใกล้ครบ 3 ปี คุณสามารถเริ่มช็อปปิ้งหาข้อมูได้เลยว่าแบงค์อื่นๆ มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง สามารถเอามาเปรียบเทียบ กันได้ ต่อรองผลประโยชน์กันได้เพื่อให้เราได้ดอกเบี้ย หรือโปรโมชันที่ถูกที่สุด (เรามีอำนาจในการต่อรอง)
5. เจรจา ต่อรองหนี้ : ถ้าภาวะหนี้ของคุณถึงขั้นไปต่อไม่ได้ คุณสามารถเข้าไปเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ของคุณได้ ที่สำคัญที่สุด คือ “ห้ามหนีหนี้” ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร / สถาบันการเงิน
เพราะทุกสถาบันการเงิน ไม่มีใครที่อยากมี “หนี้เสีย” ดังนั้นเรื่องหนี้จึงสามารถต่อรองได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ / ลดดอกเบี้ยชั่วคราว / ปราณีปรานอมหนี้ / หรืออาจจะขอจ่ายแค่ดอกโดยพักเงินต้น ซึ่งในการทำแบบนี้จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
การมีหนี้ไม่ได้น่ากลัวเสมอไป
แต่การมีหนี้เสียคือการปล้นอนาคต อย่าคิดแต่จะสบายในวันนี้แล้วลำบากในวันหน้า
ดังนั้นลองเปลี่ยนจากการมองหาหนี้เสีย เปลี่ยนหนี้ต่างๆกลายเป็นหนี้ที่ดี ให้รายได้ของเราเพิ่มแบบทวีคูนเพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับตัวเอง ผ่านการบริหารหนี้กันครับ